เสนอ อาจารย์ประพิศ ฝาคำ
รายวิชา ส32103 ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เงินพดด้วงเป็นเงินตราที่เป็น เอกลักษณ์ของไทย สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย และใช้ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมเป็นเวลากว่า 600 ปี
เงินพดด้วงทำด้วยโลหะมีราคา มีน้ำหนักเป็นมาตรฐานวัดมูลค่า รูปทรงกะทัดรัด ทนทาน ผลิตด้วยมือ ทำจากแท่งเงิน
ทุบปลายทั้งสองข้างให้งอเข้าหากัน โดยมีการตอกประทับตราประจำแผ่นดินและตราประจำรัชกาลลงไป
เนื่องจากมีสัณฐานกลมคล้ายตัวด้วง คนไทยจึงเรียกเงินชนิดนี้ว่าเงินพดด้วง ส่วนชาวต่างชาติเห็นว่ามีลักษณะคล้ายลูกปืนโบราณ
จึงเรียกว่า Bullet Coin
เงินพดด้วงในสมัยสุโขทัย
พระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้ผลิตแต่ก็เปิดโอกาสให้ผู้ครองนคร
พ่อค้า และประชาชนผลิตได้ ดังนั้นเงินพดด้วงในยุคกรุงสุโขทัย
จึงไม่มีมาตรฐานแน่นอนในเรื่องขนาด น้ำหนัก และเนื้อเงิน
พดด้วงที่ใช้ในสมัยนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลม
ทำด้วยโลหะเงิน ปลายขางอเข้าหากันเป็นปลายแหลม มีรูขนาดใหญ่ระหว่างขา มีตราประทับเพื่อแสดงถึงแหล่งผลิตตั้งแต่
1 ตรา ไปจนถึง 7 ตราส่วนใหญ่ตราที่พบได้แก่ ตราราชสีห์
ช้าง หอยสังข์ ธรรมจักร บัว กระต่าย และราชวัตร
เงินพดด้วงในสมัยอยุธยา
หลวงผูกขาดในการผลิต เงินพดด้วงในสมัยนี้คล้ายเงินพดด้วงในสมัยสุโขทัย แต่ตรงปลายขาที่งอจรดกันไม่แหลมเหมือนเงินพดด้วงสุโขทัย
เงินพดด้วงในสมัยนี้มีตราประทับเพียง 2 ตรา โดยตราที่ประทับอยู่ด้านบนคือ ตราจักร ซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนด้านหน้าเป็นตราประจำรัชกาลลักษณะต่าง ๆ
เงินพดด้วงในสมัยกรุงธนบุรี
ในช่วงต้นรัชกาลยังคงใช้พดด้วงของอยุธยาอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาได้ผลิตพดด้วงประจำรัชกาลออกใช้ โดยมีลักษณะเหมือนกับพดด้วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ประทับตราพระแสงจักรเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลนั้นใช้ ตราตรีศูล และตราทวิวุธ
เงินพดด้วงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ 4 ตราพระมหามงกุฎ
ในสมัยนี้มีการทำเงินพดด้วงปลอมกันมาก
เงินพดด้วงมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกและการค้าของประเทศเสียประโยชน์ รัชกาลที่ 4 จึงมีพระราชดำริที่จะเปลี่ยนรูปเงินตราของไทยจากเงินพดด้วงเป็นเงินเหรียญ
เงินพดด้วงได้หยุดผลิตตั้งแต่สมัยรัชการที่ 4 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีการประกาศยกเลิกใช้อย่างเป็นทางการ
หลวงผูกขาดในการผลิต เงินพดด้วงในสมัยนี้คล้ายเงินพดด้วงในสมัยสุโขทัย แต่ตรงปลายขาที่งอจรดกันไม่แหลมเหมือนเงินพดด้วงสุโขทัย
เงินพดด้วงในสมัยนี้มีตราประทับเพียง 2 ตรา โดยตราที่ประทับอยู่ด้านบนคือ ตราจักร ซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนด้านหน้าเป็นตราประจำรัชกาลลักษณะต่าง ๆ
เงินพดด้วงในสมัยกรุงธนบุรี
ในช่วงต้นรัชกาลยังคงใช้พดด้วงของอยุธยาอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาได้ผลิตพดด้วงประจำรัชกาลออกใช้ โดยมีลักษณะเหมือนกับพดด้วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ประทับตราพระแสงจักรเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลนั้นใช้ ตราตรีศูล และตราทวิวุธ
ตราตรีศูล
ในสมัยรัชกาลที่ 1 – 3 เงินพดด้วงยังคงเป็นเงินตราหลัก โดยที่ตราประจำแผ่นดินเป็นตราจักร และมีการเปลี่ยนแปลงตราประจำรัชกาลที่ใช้ประทับเท่านั้น โดย
รัชกาลที่ 1 ใช้ตราบัวอุณาโลม และ ตราตรีศูล
ตราตรีศูล
รัชกาลที่ 2 ใช้ตราครุฑ
รัชกาลที่ 3 ใช้ตราพระมหาปราสาท
นอกจากนั้นยังมีการเริ่มผลิตพดด้วงเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสสำคัญต่าง
ๆ เช่น พดด้วงตราครุฑเสี้ยว ตราเฉลว ตราดอกไม้ และตราใบมะตูม เป็นต้น
รัชกาลที่ 4 ตราพระมหามงกุฎ
ในสมัยนี้มีการทำเงินพดด้วงปลอมกันมาก
เงินพดด้วงมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกและการค้าของประเทศเสียประโยชน์ รัชกาลที่ 4 จึงมีพระราชดำริที่จะเปลี่ยนรูปเงินตราของไทยจากเงินพดด้วงเป็นเงินเหรียญ
เงินพดด้วงได้หยุดผลิตตั้งแต่สมัยรัชการที่ 4 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีการประกาศยกเลิกใช้อย่างเป็นทางการ
รัชกาลที่ 5 มีการผลิตเงินพดด้วงขึ้นอีก 2 ครั้ง
ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2447 มีการประกาศเลิกใช้เงินพดด้วงทุกชนิด เนื่องจากความต้องการเงินตราไทยมีมากเพราะการค้าระหว่างประเทศขยายตัว การผลิตเงินพดด้วงไม่ทันใช้ รัชกาลที่ 5 จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ออกประกาศลงวันที่ 27 ตุลาคม 2447 มีความสำคัญว่า ได้โปรดให้สั่งว่า เงินพดด้วงซึ่งได้จำหน่ายออกจากพระคลังฯ ใช้กันแพร่หลายอยู่ในพระราชอาณาจักรเวลานี้ มีลักษณะปลอมแปลงได้ง่าย สมควรให้เลิกใช้เงินพดด้วงเสีย โดยตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2447 เป็นต้นไป ให้เลิกใช้เงินพดด้วงทุกชนิด ยกเป็นเงินตราที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อ้างอิง
ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์
พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ
หอมรดกไทย
สำนักกษาปณ์
http://www.oknation.net
ขอขอบคุณ
ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์
ป.ล. ข้างในพิพิธภัทณ์น่าจะให้ถ่ายรูปได้เนอะ อดถ่ายรูปกับของจริงเลย
สาระน่ารู้
การปฏิรูปเงินตราไทยกับเงินตราร่วมสมัย
ครั้งที่ 1 เพื่อเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีศพพระองค์หญิงเจริญกมลศุขสวัสดิ์
พระราชธิดาองค์สุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราประทับคือตราพระเกี้ยว
ครั้งที่ 2 เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสมเด็จพระเทพสิรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนี
ลักษณะคือ ด้านบนเป็นตราจักร ด้านหน้าเป็นตราพระเกี้ยวประจำพระองค์ ด้านหลังเป็นตราช่อรำเพย (ตาม พระนามเดิมของสมเด็จราชชนนี คือพระนางเธอพระองค์เจ้าฟ้า รำเพยรามราภิรมย์)
ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2447 มีการประกาศเลิกใช้เงินพดด้วงทุกชนิด เนื่องจากความต้องการเงินตราไทยมีมากเพราะการค้าระหว่างประเทศขยายตัว การผลิตเงินพดด้วงไม่ทันใช้ รัชกาลที่ 5 จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ออกประกาศลงวันที่ 27 ตุลาคม 2447 มีความสำคัญว่า ได้โปรดให้สั่งว่า เงินพดด้วงซึ่งได้จำหน่ายออกจากพระคลังฯ ใช้กันแพร่หลายอยู่ในพระราชอาณาจักรเวลานี้ มีลักษณะปลอมแปลงได้ง่าย สมควรให้เลิกใช้เงินพดด้วงเสีย โดยตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2447 เป็นต้นไป ให้เลิกใช้เงินพดด้วงทุกชนิด ยกเป็นเงินตราที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อ้างอิง
ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์
พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ
หอมรดกไทย
สำนักกษาปณ์
http://www.oknation.net
ขอขอบคุณ
ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์
ซื้อบัตรเข้าชม
ป.ล. ข้างในพิพิธภัทณ์น่าจะให้ถ่ายรูปได้เนอะ อดถ่ายรูปกับของจริงเลย
สาระน่ารู้
การปฏิรูปเงินตราไทยกับเงินตราร่วมสมัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น